ความสามารถพิเศษของพืชทะเลทราย
พืชกับน้ำเป็นของคู่กัน ไม่มีพืชชนิดไหนอยู่รอดได้ถ้าขาดน้ำ เพราะฉะนั้นพืชจึงต้องดิ้นรนต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อให้มีน้ำเก็บสะสมอยู่มากพอกับความต้องการ โดยเฉพาะพืชในทะเลทรายนั้น จำเป็นต้องมีวิธีเก็บสะสมน้ำเป็นพิเศษเฉพาะตัว เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอดได้ท่ามกลางความร้อนและแห้งแล้งอย่างชนิดจะหาที่ใดมาเปรียบไม่ได้เลยพืชทะเลทรายเกือบทุกชนิดเก็บสะสมน้ำไว้ในลำต้นและใบ เพราะฉะนั้น พวกมันจึงต้องมีรูปร่างแปลกพิเศษไปจากต้นไม้ทั่วไป คือมีลำต้นและใบที่อวบใหญ่กว่ามาก เพื่อใช้เก็บสะสมน้ำไว้ให้ได้คราวละมาก ๆ หากเมื่อไรมีพายุฝนโปรยลงมา ต้นตะบองเพชรถังไม้ ( barrel cactus ) จะดูดน้ำเข้าไปเก็บไว้จนลำต้นมันขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้เป็นสองเท่าของขนาดเดิมเมื่อก่อนฝนตกทีเดียว
และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการคายน้ำต้นตะบองเพชรหลายชนิดจึงปรับเปลี่ยนใบตัวเองให้เป็นหนาม ซึ่งนอกจากหลีกเลี่ยงการสูญเสียน้ำได้แล้วยังช่วยปกป้องตัวเองจากสิงสาราสัตว์ไม่ให้เยื้องกรายเข้ามาใกล้อีกด้วย
แต่ก็มีพืชทะเลทรายอีกมากมายหลายชนิดเหมือนกันที่เก็บใบไว้ใช้สะสมน้ำ แต่ก็ยังเป็นใบที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากใบไม้ทั่วไปอยู่ดี อย่างเช่น ต้นโคมร้อยปี ( century plant ) :ซึ่งว่ากันว่าร้อยปีถึงจะออกดอกสักครั้งหนึ่ง มีใบสีชมพูเรื่อ ปลายใบแหลมคม รูปร่างและขนาดใบอวบหนาแข็งแรงมาก
ส่วนพวกไม้พุ่มในทะเลทรายนั้น หลายชนิดใช้วิธีลดการสูญเสียน้ำด้วยการสลัดใบทิ้งในหน้าแล้งแต่พอฤดูฝนหวนกลับมาอีกครั้ง มันก็งอกใบใหม่ที่สดใสมีชีวิตชีวาขึ้นมาแทนที่ บางชนิดถึงกับสลัดทิ้งไปทั้งกิ่งเลยก็มี
ระบบรากของพืชทะเลทรายก็มีส่วนสำคัญต่อการเก็บสะสมน้ำด้วยเหมือนกัน ต้นตะบองเพชรจะหยั่งรากลงดินเพียงตื้น ๆ แต่จะแผ่กิ่งก้านสาขากระจายออกเป็นบริเวณกว้างมาก ปลายรากของบางต้นอาจแผ่ไปไกลจากลำต้นถึง 50 ฟุต แต่ก็มีพืชทะเลทรายอีกบางชนิดที่ไชรากลงลึกมากเกินกว่า 100 ฟุตเพื่อหยั่งให้ถึงน้ำที่อยู่ใต้ผืนทรายลงไป
ไม้พุ่มทะเลทรายอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษผิดแปลกไปจากพืชทะเลทรายอื่น ๆ มาก คือต้น ครีโอโสต ( creosote ) ใบของมันจะเหี่ยวแห้งคาต้นในช่วงฤดูแล้งน้ำ ดูเผิน ๆ เหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว แต่พอหน้าฝนมันก็ฟื้นคืนชีพกลับสดชื่นขึ้นมาใหม่อีก
เจ้าต้นไม้ประหลาดต้นนี้ปกป้องพื้นที่แหล่งน้ำของมัน ไม่ให้เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้อื่น หรือแม้กระทั่งเมล็ดพันธุ์ของตัวมันเอง หมดสิทธิงอกเงยขึ้นมาแย่งน้ำในพื้นที่รอบ ๆ ตัวมันได้
ที่มา:http://www.atom.rmutphysics.com/charud/scibook/nature%20myth/index149.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น